ปลาฮามาจิ เมื่อพูดถึงอาหารญี่ปุ่น หนึ่งในวัตถุดิบที่ถูกกล่าวถึงบ่อยครั้งและได้รับความนิยมไม่แพ้ปลาแซลมอนหรือปลาทูน่าก็คือ ปลาฮามาจิ หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ Yellowtail ซึ่งถือว่าเป็นวัตถุดิบพรีเมียมที่ทั้งเชฟและนักชิมให้ความสำคัญ เนื้อปลาชนิดนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นความนุ่มละมุน ไขมันแทรกกำลังดี และรสชาติที่กลมกล่อม ทำให้ปลาฮามาจิกลายเป็นเมนูยอดนิยมในร้านซูชิและร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียมทั่วโลก
ปลาฮามาจิเป็นปลาที่มีถิ่นกำเนิดในทะเลญี่ปุ่น และมีความสำคัญในวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในช่วงปีใหม่ซึ่งเป็นฤดูที่ปลาชนิดนี้มีรสชาติดีที่สุด คนญี่ปุ่นนิยมรับประทานเพื่อเป็นสิริมงคล เนื่องจากเชื่อว่าปลาฮามาจิซึ่งเมื่อโตเต็มวัยจะถูกเรียกว่า “บุริ” เป็นสัญลักษณ์แห่งความก้าวหน้าในชีวิต จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นเมนูฮามาจิปรากฏอยู่บนโต๊ะอาหารในหลายครอบครัวญี่ปุ่นช่วงปีใหม่
สิ่งที่ทำให้ปลาฮามาจิแตกต่างจากปลาอื่นคือรสสัมผัสที่นุ่มนวลและไขมันที่กระจายตัวอย่างพอดี โดยเฉพาะส่วนท้องที่ให้รสชาติคล้ายกับโอโทโรของปลาทูน่า แม้ไม่มันเท่าปลาทูน่า แต่กลับมีความละมุนที่กินได้เรื่อย ๆ ไม่เลี่ยนเกินไป เมื่อนำมาทำเป็นซาชิมิ เนื้อปลาฮามาจิจะให้รสหวานอ่อน ๆ เข้ากันดีกับโชยุและวาซาบิสด จึงกลายเป็นเมนูที่ใครได้ลองก็ยากจะลืม นอกจากนี้เชฟยังนิยมนำปลาฮามาจิมาทำเป็นซูชิหรือย่างเกลือ ซึ่งให้กลิ่นหอมและรสชาติที่เข้มข้นขึ้น
ในเชิงโภชนาการ ปลาฮามาจิก็มีคุณค่าไม่น้อยไปกว่าความอร่อย เพราะอุดมไปด้วยโปรตีนคุณภาพสูงและกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ช่วยบำรุงสมองและหัวใจ อีกทั้งยังมีวิตามินดี วิตามินเอ และแร่ธาตุสำคัญหลายชนิดที่ดีต่อสุขภาพ ทำให้การเลือกรับประทานฮามาจิไม่เพียงตอบโจทย์ความอร่อย แต่ยังดีต่อร่างกายอีกด้วย ซึ่งก็เป็นเหตุผลว่าทำไมสายเฮลตี้และคนที่ควบคุมอาหารถึงนิยมเลือกเมนูปลาฮามาจิเป็นหนึ่งในตัวเลือก
สำหรับการเลือกซื้อปลาฮามาจิในประเทศไทย ปัจจุบันไม่ใช่เรื่องยากเหมือนในอดีต เพราะสามารถหาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำและร้านออนไลน์ที่นำเข้าวัตถุดิบญี่ปุ่นโดยตรง ความสดถือเป็นหัวใจสำคัญในการเลือกซื้อ เพราะปลาฮามาจิที่ดีต้องมีสีเนื้อออกชมพูอ่อน มันแทรกสวย และไม่มีกลิ่นคาวแรง ปัจจุบันเว็บไซต์ขายวัตถุดิบพรีเมียม เช่น Thagoonmanee หรือร้านออนไลน์อื่น ๆ ต่างนำเสนอปลาฮามาจิแบบเป็นบล็อกพร้อมหั่นซาชิมิ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถนำไปปรุงเมนูได้อย่างสะดวก ราคาก็แตกต่างกันไปตามเกรดและแหล่งที่มา โดยทั่วไปแล้วราคาจะอยู่ในช่วงหลักร้อยไปจนถึงหลักพันต่อกิโลกรัม หากเป็นเกรดพรีเมียมที่นำเข้าจากญี่ปุ่นโดยตรงก็จะมีราคาสูงขึ้น
นอกจากนี้ยังมีเคล็ดลับการเก็บรักษาที่ช่วยยืดอายุความสดของฮามาจิ เช่น หากซื้อมาเป็นบล็อกควรเก็บในอุณหภูมิ 0–4 องศาเซลเซียส และหากต้องการเก็บนานควรห่อด้วยฟิล์มถนอมอาหารแล้วแช่แข็ง การละลายน้ำแข็งควรทำอย่างช้า ๆ ในตู้เย็น ไม่ควรใช้ไมโครเวฟหรือแช่น้ำร้อน เพราะจะทำให้รสชาติและเนื้อสัมผัสเสียไป
ความนิยมของปลาฮามาจิไม่ได้จำกัดแค่ในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังแพร่หลายไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารในอเมริกา ยุโรป หรือแม้แต่ไทยเอง ต่างก็มีเมนูที่ใช้ฮามาจิเป็นตัวชูโรง ในร้านอาหารระดับ Michelin Star เชฟจำนวนมากเลือกใช้ฮามาจิในการสร้างสรรค์เมนูฟิวชัน ไม่ว่าจะเป็นทาร์ทาร์ พาสต้า หรือแม้แต่การนำไปทำเป็นยำสไตล์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งล้วนแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของวัตถุดิบชนิดนี้
เมื่อมองในภาพรวมแล้ว ปลาฮามาจิไม่ใช่เพียงแค่ปลาที่ให้รสชาติอร่อย แต่ยังสะท้อนถึงวัฒนธรรม ความเชื่อ คุณค่าทางโภชนาการ และความหรูหราของอาหารญี่ปุ่นที่ถูกส่งต่อมายังผู้คนทั่วโลก สำหรับคนที่ชื่นชอบการทานอาหารญี่ปุ่น การได้ลองลิ้มรสฮามาจิซาชิมิสักครั้งถือเป็นประสบการณ์ที่ควรค่า และสำหรับผู้ที่ต้องการทำอาหารเองที่บ้าน ก็สามารถหาซื้อฮามาจิคุณภาพดีได้ไม่ยากในยุคนี้
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นในมื้อพิเศษที่ร้านอาหารญี่ปุ่นหรือการปรุงเมนูเองที่บ้าน ปลาฮามาจิก็ยังคงเป็นวัตถุดิบที่สร้างความประทับใจได้เสมอ และด้วยคุณค่าที่มากกว่าความอร่อย จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนทั่วโลกถึงยกให้ปลาฮามาจิเป็นหนึ่งในสุดยอดวัตถุดิบที่ควรลิ้มลอง