เนื้อสเต็กแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร คงเห็นกันแล้วว่าเนื้อสเต็กจะมีหลายประเภท เนื้อริบอาย เนื้อทีโบน และเนื้อส่วนอื่น ๆ ที่นำมาทำสเต็ก ถ้าไม่อยากหน้าแตกเวลาสั่งสเต็ก ก็ตามมารู้จักประเภทเนื้อสเต็กแต่ละส่วนกันดีกว่า
ถ้าพูดถึงสเต็กหลายคนก็นึกถึงชิ้นเนื้อขนาดประมาณฝ่ามือที่ผ่านการย่างหรือทอดในระดับความสุกที่ต่างกันแล้วแต่ความชอบของคนกิน แต่จริง ๆ แล้วเรื่องราวของสเต็กก็ไม่ได้จบแค่นั้นค่ะ เพราะเนื้อสเต็กที่เราได้กินอย่างเอร็ดอร่อยนั้น เป็นเนื้อที่ได้มาจากส่วนต่าง ๆ ของวัว ซึ่งประเภทเนื้อสเต็กเหล่านี้ก็จะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไป ดังนั้นเวลาที่เราไปสั่งสเต็กในร้านอาหารฝรั่ง เราจึงจะเห็นรายการสเต็กเรียงรายจนเลือกไม่ถูก ยิ่งพอถูกถามถึงระดับความสุกแล้วหลายคนก็ถึงกับมึนหนักเข้าไปใหญ่ จนในที่สุดก็ได้สเต็กในแบบที่ไม่ได้ตรงสเปคของตัวเองมากิน เอาล่ะ ! ต่อไปนี้เรามารู้จักประเภทเนื้อสเต็กและระดับความสุกของสเต็กไว้ดีกว่า เวลาไปสั่งสเต็กกินครั้งหน้าจะได้ไม่เขินเนอะ
1. เนื้อเทนเดอร์ลอยน์ (Tenderloin Steak)
เนื้อสเต็กประเภทเนื้อเทนเดอร์ลอยน์ (Tenderloin) หรือฟิเลมิยอง (Filet Mignon) เป็นเนื้อสันในที่มีความนุ่มเป็นพิเศษ เพราะเป็นเนื้อในส่วนที่วัวไม่ต้องออกแรงใช้กล้ามเนื้อมาก มักจะจัดเสิร์ฟเป็นชิ้นหนาประมาณ 2 นิ้วขึ้นไป เพื่อความนุ่มที่สมบูรณ์แบบ และด้วยความอร่อยเด็ดของเนื้อฟิเลมิยอง เจ้าสเต็กประเภทนี้จึงมีราคาค่อนข้างแพงพอดูเลยทีเดียว
2. เนื้อสตริปลอยน์ (Strip Loin Steak)
สตริปสเต็กเป็นเนื้อสันติดมันที่ติดอันดับเนื้อสเต็กที่อร่อยที่สุด เพราะไม่ได้มีแค่ความนุ่มของเนื้อเท่านั้น แต่กัดลงไปแล้วยังฉ่ำไปด้วยรสชาติของเนื้อสันติดมันแบบถึงใจ ซึ่งว่ากันว่าราคาก็แพงหูฉี่แซงหน้าฟิเลมิยอง เพราะเป็นเนื้อสันส่วนที่ไม่น้อยในตัววัวนั่นเองค่ะ อ้อ ! นอกจากชื่อนี้แล้ว ยังสามารถเรียกว่านิวยอร์กสตริปสเต็ก (New York Strip) ได้ด้วยนะคะ
เนื้อส่วนกลางซึ่งจะติดส่วนกระดูกรูปตัว T ออกมาด้วย ทีโบนจัดเป็นเนื้อลูกครึ่งระหว่างฟิเลมิยองกับเนื้อสตริปลอยน์ ด้วยเหตุนี้รสชาติของสเต็กทีโบนจึงเด็ดไม่แพ้ส่วนไหน ทั้งนุ่มแบบฟิเลมิยอง และฉ่ำรสชาติเนื้อแบบถึงพริกถึงขิงแบบสตริปลอยน์ อร่อยอย่างนี้ก็คงไม่ต้องเดาราคากันแล้วล่ะเนอะ
4. พอร์ตเตอร์เฮาส์ (Porterhouse Steak)
เนื้อส่วนกลางติดกระดูกเช่นเดียวกับเนื้อทีโบน แต่พอร์ตเตอร์เฮาส์จะได้ส่วนที่เป็นฟิเลมิยองมามากกว่า ขนาดของชิ้นเนื้อจึงใหญ่กว่าทีโบนเล็กน้อย และแม้จะมีความนุ่มในแบบฟิเลมิยองมากกว่าความฉ่ำในแบบเนื้อสันติดมันของสตริปลอยน์ ก็ไม่ได้ลดความเด็ดดวงลงไปได้สักนิด
เนื้อซี่โครงที่ขึ้นชื่อและฮอตไม่เบา เนื่องจากเป็นเนื้อที่ติดมันเยอะพอสมควร จึงมีความชุ่มฉ่ำและได้รสชาติเนื้อแบบเต็มแม็กซ์ และถึงแม้จะไม่นุ่มเหมือนฟิเลมิยอง แต่เนื้อส่วนริบอายจะกรุบ ๆ เคี้ยวมันกว่าเยอะเลยล่ะ ราคาเลยอาจจะถูกกว่าฟิเลมิยอง แต่ก็สูสีหรืออาจจะแพงกว่าสตริปลอยน์คะ
เกือบ ๆ จะเป็นคู่แฝดของทีโบน แต่ความอร่อยเด็ดและขนาดของชิ้นเนื้อจะอลังการมากกว่า เพราะเป็นเนื้อซี่โครงส่วนที่ใหญ่ที่สุดในวัว จึงพกเนื้อหนังและไขมันมาแบบจัดหนัก ส่วนมากจะถูกจัดเสิร์ฟด้วยความหนาประมาณ 2 นิ้วขึ้นไป หั่นมากินแต่ละคำต้องบอกว่าสุดยอดมาก ๆ ยิ่งถ้าสั่งแบบมีเดียมแรร์ คือเนื้อที่ย่างกึ่งสุกกึ่งดิบ ก็จะเริ่ดเว่อร์เลยจ้า
7. เซอร์ลอยน์ (Sirloin Steak)
เซอร์ลอยน์เป็นเนื้อสันนอก หรือเนื้อสะโพกด้านบนที่เต็มไปด้วยเนื้อนุ่ม ๆ ปนมันแถมลายเนื้อพอให้เคี้ยวกรุบ ๆ เป็นเนื้อสเต็กอีกหนึ่งประเภทที่ติดอับดับเนื้อขายดี เพราะมีมากและราคาไม่แพง ที่สำคัญยังเคี้ยวอร่อยได้ทั้งรสชาติเนื้อนุ่ม ๆ กับความชุ่มฉ่ำจากเนื้อติดมันไปพร้อม ๆ กัน
8. ไพร์ม ริบ (Prime Rib Steak)
เนื้อติดซี่โครงที่ตัดเอามาแต่เนื้อล้วน ๆ (บางร้านอาจจะตัดส่วนซี่โครงติดมาด้วย) ไพร์ม ริปเป็นเนื้อติดมันค่อนข้างมาก จึงให้สัมผัสฉ่ำนุ่ม ไม่เหนียว เคี้ยวอร่อยกำลังดี
9. ท็อป เบลด (Top Blade Steak)
หรือจะเรียกอีกอย่างว่า แฟลท สเต็ก ก็ไม่ผิดค่ะ เนื้อส่วนนี้เป็นเนื้อปนมันค่อนข้างนุ่ม เลยมีรสชาติในตัวเองอยู่แล้ว เรียกว่านำไปย่าง หรืออบโดยไม่ต้องหมักก็ยังกินแล้วฟิน แถมราคาเนื้อส่วนนี้ก็ไม่แพงมากนักอีกด้วย
10. สเต็กเนื้อบด (Ground Beef Steak)
สเต็กเนื้อบดเป็นเนื้อวัวหลาย ๆ ส่วนที่ถูกนำมาบดรวมกันแล้วหมัก มักจะใช้เป็นเนื้อสำหรับทำเบอร์เกอร์ชนิดต่าง ๆ แต่ถ้าจะให้ดีต้องย่างหรืออบแบบมีเดียม ย่างให้พอสุกแบบอมชมพูหน่อย ๆ ถึงจะอร่อยจ้า