ฟิเลมิยอง คือสเต็กชนิดหนึ่งเป็น Steak ที่นุ่มที่สุด แทบจะไม่ต้องเคี้ยว สามารถละลายในปากได้เลยจึงทำให้ฟิเลมิยอง มีราคาแพง ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ ฟิเลมิยอง มีราคาแพงคือใช้เนื้อวัวส่วนที่ว่ากันว่าอร่อยที่สุดอีกส่วนหนึ่ง นั่นก็คือส่วนเทนเดอร์ลอยน์ (Tenderloin) ซึ่งหมายถึงเนื้อสันในนั่นเอง
ฟิเลมิยอง เมนูน่าทานวิธีทำไม่กี่ขั้นตอน เรามาเตรียมส่วนผสมสำหรับทำฟิเลมิยองกันก่อน
- Tenderloinหรือเนื้อสันใน 150 กรัม
- lea & perrins หรือ ซอสตรากระต่าย หรือ ซอสเปรี้ยว แล้วแต่ชื่อเรียก 2 ช้อนชา
- ซอสแมกกี้ 2 ช้อนชา
- พริกไทย 1/4 ช้อนชา
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
- เนย 1/4 ถ้วย
- แป้งสาลี 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำซุป 1/2 ถ้วย
- เบคอนหั่น 2 ท่อน 2 ชิ้น
- เห็ดฟ่างผ่าครึ่ง 4 ดอก
วิธีทำ
- เนื้อสันใน หรือ Tenderloin หนา 1/2 นิ้วทำให้เป็นชิ้นเดียวกันมาทุบให้นุ่ม
- ทาแมกกี้ ซอสตรากระต่าย พริกไทย เกลือ
- เนยใส่กระทะ ตั้งไฟค่อนข้างแรง ใส่เนื้อทอดพอสุก แล้วตักขึ้นใส่จาน
- หลังจากตักเนื้อออก นำแป้งสาลีใส่ ผัดจนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ใส่น้ำซุป ปรุงรสด้วยแมกกี้ ใส่เบคอน เห็ด เคี่ยวสักครู่ แล้วตักราดบนเนื้อ
- เสิร์ฟกับมันฝรั่งทอด แครอท สลัด หรืออื่นๆตามชอบ (ควรเป็นรสอ่อนกว่า)
ในส่วนของวัสดุดิบเป็นส่วนสำคัญมากแม่แพ้วิธีการ เนื้อสันในทาง TM FOOD เราแนะนำ เป็น HIDA WAGYU TENDERLOIN เนื้อคุณภาพชั้นดีจากญี่ปุ่น ด้วยลักษณะของเนื้อเทนเดอร์ลอยน์ สามารถนำมาทำฟิเลมิยองได้อร่อยมากๆ ไม่แพ้ร้านดังๆ จัดได้ว่าเป็นเนื้อที่มีความนุ่ม ละเอียด รสชาติอร่อยและมีความสมบูรณ์แบบอยู่ในตัว
ด้วยเหตุนี้ HIDA WAGYU TENDERLOIN จึงเป็นเนื้อวัวส่วนที่มีราคาสูง เพราะเป็นเนื้อส่วนที่มีไขมันน้อยมาก เนื่องจากวัวมักจะไม่ได้มีการออกแรงหรือได้ใช้กล้ามเนื้อในส่วนนี้มากเสียเท่าไหร่นัก ส่งผลทำให้เนื้อสันในส่วนใหญ่มักจะมีขนาดที่เล็กมากพอสมควร แต่เวลาที่เชฟหรือภัตตาคาร ร้านอาหารส่วนใหญ่มักจะทำการเสิร์ฟเนื้อสันในในลักษณะที่ค่อนข้างจะหนา อย่างน้อยก็ต้อง 2 นิ้วขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งจะส่งผลทำให้เนื้อมีลักษณะนุ่ม ละมุน และมีรสชาติที่ดีจนน่าประทับใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ยิ่งถ้าหากได้นำไปประกอบอาหารในรูปแบบของสเต็กด้วยแล้ว บอกได้เลยค่ะว่า อร่อยแบบเลิศรสกันเลยทีเดียว
ปัจจุบัน HIDA WAGYU TENDERLOIN จัดได้ว่าเป็นเนื้อวัวในส่วนที่ผู้คนส่วนใหญ่จะต้องค้นหาและสั่งซื้อ การรับประทานเนื้อในแต่ละส่วนย่อมให้รสชาติและความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป เพียงแต่ว่าบางคนอาจจะไม่รู้เกี่ยวกับเนื้อในแต่ละส่วนของวัวเป็นสำคัญ จึงทำให้ไม่สามารถแยกแยะได้ว่า เนื้อที่รับประทานอยู่นั้นเป็นเนื้อส่วนไหน และให้รสชาติที่อร่อยได้ในระดับใดนั่นเอง