ฟิเลมิยอง คือสเต็กชนิดหนึ่งเป็น Steak ที่นุ่มที่สุด แทบจะไม่ต้องเคี้ยว สามารถละลายในปากได้เลยจึงทำให้ฟิเลมิยอง มีราคาแพง ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ ฟิเลมิยอง มีราคาแพงคือใช้เนื้อวัวส่วนที่ว่ากันว่าอร่อยที่สุดอีกส่วนหนึ่ง นั่นก็คือส่วนเทนเดอร์ลอยน์ (Tenderloin) ซึ่งหมายถึงเนื้อสันในนั่นเอง

ฟิเลมิยอง เมนูน่าทานวิธีทำไม่กี่ขั้นตอน เรามาเตรียมส่วนผสมสำหรับทำฟิเลมิยองกันก่อน

  1. Tenderloinหรือเนื้อสันใน 150 กรัม
  2. lea & perrins หรือ ซอสตรากระต่าย หรือ ซอสเปรี้ยว แล้วแต่ชื่อเรียก 2 ช้อนชา
  3. ซอสแมกกี้ 2 ช้อนชา
  4. พริกไทย 1/4 ช้อนชา
  5. เกลือ 1/4 ช้อนชา
  6. เนย 1/4 ถ้วย
  7. แป้งสาลี 1 ช้อนโต๊ะ
  8. น้ำซุป 1/2 ถ้วย
  9. เบคอนหั่น 2 ท่อน 2 ชิ้น
  10. เห็ดฟ่างผ่าครึ่ง 4 ดอก

วิธีทำ

  1. เนื้อสันใน หรือ Tenderloin หนา 1/2 นิ้วทำให้เป็นชิ้นเดียวกันมาทุบให้นุ่ม
  2. ทาแมกกี้ ซอสตรากระต่าย พริกไทย เกลือ
  3. เนยใส่กระทะ ตั้งไฟค่อนข้างแรง ใส่เนื้อทอดพอสุก แล้วตักขึ้นใส่จาน
  4. หลังจากตักเนื้อออก นำแป้งสาลีใส่ ผัดจนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ใส่น้ำซุป ปรุงรสด้วยแมกกี้ ใส่เบคอน เห็ด เคี่ยวสักครู่ แล้วตักราดบนเนื้อ
  5.  เสิร์ฟกับมันฝรั่งทอด แครอท สลัด หรืออื่นๆตามชอบ (ควรเป็นรสอ่อนกว่า)

ในส่วนของวัสดุดิบเป็นส่วนสำคัญมากแม่แพ้วิธีการ เนื้อสันในทาง TM FOOD เราแนะนำ เป็น HIDA WAGYU TENDERLOIN เนื้อคุณภาพชั้นดีจากญี่ปุ่น  ด้วยลักษณะของเนื้อเทนเดอร์ลอยน์ สามารถนำมาทำฟิเลมิยองได้อร่อยมากๆ ไม่แพ้ร้านดังๆ จัดได้ว่าเป็นเนื้อที่มีความนุ่ม ละเอียด รสชาติอร่อยและมีความสมบูรณ์แบบอยู่ในตัว

ด้วยเหตุนี้  HIDA WAGYU TENDERLOIN จึงเป็นเนื้อวัวส่วนที่มีราคาสูง เพราะเป็นเนื้อส่วนที่มีไขมันน้อยมาก เนื่องจากวัวมักจะไม่ได้มีการออกแรงหรือได้ใช้กล้ามเนื้อในส่วนนี้มากเสียเท่าไหร่นัก  ส่งผลทำให้เนื้อสันในส่วนใหญ่มักจะมีขนาดที่เล็กมากพอสมควร แต่เวลาที่เชฟหรือภัตตาคาร ร้านอาหารส่วนใหญ่มักจะทำการเสิร์ฟเนื้อสันในในลักษณะที่ค่อนข้างจะหนา อย่างน้อยก็ต้อง 2 นิ้วขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งจะส่งผลทำให้เนื้อมีลักษณะนุ่ม ละมุน และมีรสชาติที่ดีจนน่าประทับใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ยิ่งถ้าหากได้นำไปประกอบอาหารในรูปแบบของสเต็กด้วยแล้ว บอกได้เลยค่ะว่า อร่อยแบบเลิศรสกันเลยทีเดียว

ปัจจุบัน  HIDA WAGYU TENDERLOIN  จัดได้ว่าเป็นเนื้อวัวในส่วนที่ผู้คนส่วนใหญ่จะต้องค้นหาและสั่งซื้อ การรับประทานเนื้อในแต่ละส่วนย่อมให้รสชาติและความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป เพียงแต่ว่าบางคนอาจจะไม่รู้เกี่ยวกับเนื้อในแต่ละส่วนของวัวเป็นสำคัญ จึงทำให้ไม่สามารถแยกแยะได้ว่า เนื้อที่รับประทานอยู่นั้นเป็นเนื้อส่วนไหน และให้รสชาติที่อร่อยได้ในระดับใดนั่นเอง