Search

เนื้อวากิว ที่เป็นเนื้อวัวที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น และวัวพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงกันมากที่สุดคือ Japanese Black ซึ่งถูกยกย่องให้เป็นสุดยอดแห่งสายพันธุ์อันดับหนึ่งในญี่ปุ่น และยังพูดถึง 5 สุดยอดเนื้อวากิวจากแหล่งต่างๆ ได้แก่ เนื้อโกเบ เนื้อมัตสึซากะ เนื้อนางาซากิ เนื้อโอมิ และเนื้อฮิดะ ในวันนี้เราจะพูดถึงการจัดระดับคุณภาพของเนื้อวากิวในญี่ปุ่น

โดยการจัดระดับคุณภาพของเนื้อวากิวแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ

ส่วนที่ 1 ปริมาณของเนื้อ โดยเปรียบเทียบน้ำหนักของเนื้อกับน้ำหนักวัวทั้งตัว โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับ A มีปริมาณเนื้อประมาณ 72% ระดับ B มีปริมาณเนื้อประมาณ 69 – 72% และ ระดับ C มีปริมาณเนื้อน้อยกว่า 69%
ในส่วนที่ 2 คุณภาพของเนื้อ แบ่งเป็น 1 – 5 ระดับด้วยกัน โดยขึ้นอยู่กับ 4 ปัจจัย ดังต่อไปนี้ ปัจจัยที่ 1 ไขมันแทรก ปัจจัยที่ 2 สีของไขมัน ปัจจัยที่ 3 สีของเนื้อ ปัจจัยที่ 4 ความแน่นและละเอียดของเนื้อ หากทั้ง 4 ปัจจัยนี้อยู่ในเกณฑ์ดีทั้งหมด ก็จะได้รับเลข 5 ประกบหลังระดับคุณภาพปริมาณของเนื้อไปเลย เช่น A5 หมายถึง เนื้อวากิวนี้ ได้มาจากวัวที่มีปริมาณของเนื้อ 72% และมีคุณภาพของเนื้ออยู่ที่ระดับ 5 นั่นเอง

อีกส่วนหนึ่งที่เราสามารถสังเกตคุณภาพของเนื้อวากิวได้คือ ส่วนที่เป็นไขมันจะต้องละลายได้กับอุณหภูมิตัวเราเมื่อเราเอานิ้วไปสัมผัสกับไขมันนั้น ก็จะเป็นอีกข้อสังเกตหนึ่งของเนื้อชั้นดี เมื่อเราบริโภคเข้าไปก็จะย่อยง่ายนั่นเองครับ ซึ่งเนื้อวากิวแต่ละเกรดก็มีวิธีการนำไปทำอาหารเพื่อรับประทานที่แตกต่างกัน เช่น การทำสเต็กจะใช้เนื้อ เกรด A4 หรือ A3 อาจจะเหมาะสมกว่าเนื้อเกรด A5 แต่ถ้าเป็นอาหารประเภท ต้ม ลวก ชาบูหรือสุกี้ อาจต้องใช้เนื้อที่มีปริมาณไขมันมาก เกรด A5 ก็จะนุ่มและอร่อยกว่า

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การจัดระดับคุณภาพของเนื้อวากิว A5 ถึง A1 B5 ถึง B1 และ C5 ถึง C1 ไม่ได้บ่งบอกว่าเนื้อนั้นไม่มีคุณภาพ แต่เป็นการแบ่งประเภทของเนื้อให้เหมาะสมกับการนำไปใช้ประกอบอาหารแต่ละประเภทนั้นเองครับ นอกจากนี้แล้ว เรายังต้องทราบอีกว่า เป็นเนื้อที่มาจากชิ้นส่วนใดของวัว ก็จะทำให้เมนูอาหารนั้นอร่อยเหมาะสม และสุโค้ยมากยิ่งขึ้น